กระรอกถือเป็นสัตว์เลี้ยงจากป่าธรรมชาติที่มีคนเลี้ยงเฉพาะกลุ่ม ดังนั้นพฤติกรรมกระรอกและอาหารกระรอกบางอย่างอาจรู้เฉพาะคนที่เลี้ยงมานาน ส่วนมือใหม่หัดเลี้ยงอาจไม่เข้าใจพฤติกรรมและอาการเหล่านั้นซึ่งอาจดูแลไม่ถูกต้องและเป็นอันตรายกับกระรอกได้ 3 พฤติกรรมและอาการของกระรอกที่คนเลี้ยงต้องรู้ มีอะไรมาหาคำตอบกันเลยครับ
1. พฤติกรรมกัดกันเอง
การเลี้ยงกระรอกมากกว่า 1 ตัวบางครั้งกระรอกก็จะกัดกันเองจนทำให้มีแผลทั้งแผลถลอกและแผลเปิดกว้าง สำหรับแผลที่เกิดจากการกัดกันและเป็นแผลถนอกเล็กๆน้อยๆ กระรอกจะใช้ลิ้นเลียแผลของตัวเอง เพราะน้ำลายของกระรอกจะช่วยให้แผลแห้งได้
ส่วนแผลที่เกิดจากการกัดกันและเป็นแผลเปิดกว้างมีเลือดออกไม่มาก คนเลี้ยงต้องทำการห้ามเลือดก่อน โดยใช้สำลีชุบน้ำอุ่นๆ หรือน้ำเกลือเช็ด จากนั้นโรยแผลด้วยผงพิเศษไม่นานแผลก็จะหายได้ หากเป็นแผลลึกเลือดออกมา และกระรอกมีอาการซึมหรือผิดปกติควรพาไปพบสัตว์แพทย์
2. อาการอาหารติดคอ
อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับลูกระรอก หรือกระรอกที่เพิ่งเริ่มหัดกินผลไม้ เพราะลูกกระรอกที่ฟันยังไม่ขึ้นจะใช้วิธีดูดผลไม้ประเภทกล้วยน้ำว้า มะละกอสุก องุ่น หรือผลไม้อื่นๆแทนการกัดกิน อาจทำให้เนื้อผลไม้หลุดเข้าไปเป็นก้อนใหญ่แล้วเข้าไปติดคอ
อาการอาหารติดคอสังเกตได้จากหายใจแบบไม่สม่ำเสมอ และเหมือนพยายามจะคายอะไรออกมา การปฐมพยาบาล คนเลี้ยงอาจใช้ไซริงค์ขนาด 1 c.c. ใส่น้ำให้เต็มแล้วป้อนเข้าไปในปาก แต่ไม่ควรเกิน 2 หลอดถ้ายังไม่ได้ผล อาจอ้าปากแล้วใช้คีมคีบของที่ติดคอออกมาแต่วิธีนี้ต้องมีความชำนาญเพราะอาจเป็นอันตรายกับลูกกระรอกได้ หรืออาจพาไปพบสัตว์แพทย์
3. อาการช็อคจากการตกใจมากๆ
กระรอกเป็นสัตว์ผู้ถูกล่าในห่วงโซ่อาหาร ทำให้ตกใจง่ายอาการช็อคอาจเกิดจากเจอสุนัข โดนแมวไล่กวด เสียงดังมากๆ ฟ้าร้อง หรือเจองู อาการที่แสดงคือ อยู่นิ่งๆ และตาโตบางตัวจะส่งเสียงร้อง ต็อกๆ หยุดสักพัก แล้วก็ต๊อกๆ หรือร้องเป็นสัญญาณถี่ๆ
นอกกจากการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น เช่น จับกอดไว้กับตัว พากระรอกเข้าบ้านหรือพาไปอยู่ในมุมที่สงบ และลูบหัวเพื่อเรียกสติ หลังจากนั้นต้องดูแลและตรวจสอบสภาพที่อยู่เพื่อไม่ให้มีสัตว์ซึ่งเป็นศัตรูของกระรอกหลบซ่อนอยู่ เพราะจะทำให้กระรอกกลัวและหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
ทั้ง 3 พฤติกรรมกระรอก คนเลี้ยงต้องศึกษาอย่างเข้าใจเมื่อพบเห็นต้องไม่ตกใจและพยายามแก้ปัญหาหรือปฐมพยาบาลในเบื้องต้นก่อนนำไปพบแพทย์ครับ